content creation

การสร้างเนื้อหากลายเป็นหัวใจสำคัญของการทำการตลาดดิจิทัลในปัจจุบัน อย่างปลอดภัยสามารถกล่าวได้ว่าความสามารถถูกวัดจากจำนวนผู้ชมที่มีส่วนร่วมกับเนื้อหาดิจิทัล ยิ่งมีการมีส่วนร่วมสูง เนื้อหาก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น หนึ่งในเนื้อหาสำคัญที่คุณต้องสร้างหากคุณมีเว็บไซต์คือเนื้อหาที่ได้รับการปรับแต่งให้สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้

สามารถกล่าวได้ว่าการสร้างเนื้อหาในปัจจุบันถูกกำหนดโดยความสามารถของเนื้อหาในการเชื่อมต่อกับผู้ชม เพื่อเพิ่มสิ่งนี้ให้ถึงขีดสุด เครื่องมือสร้างเนื้อหาจึงเกิดขึ้น การสร้างเนื้อหายังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับเครื่องมือเหล่านี้

บทความนี้จะนำเสนอเครื่องมือสร้างเนื้อหาที่ดีที่สุดที่คุณหวังว่าคุณจะรู้ เครื่องมือเหล่านี้จะเปลี่ยนเกมในการสร้างเนื้อหา หากคุณเป็นนักสร้างเนื้อหา บทความนี้เหมาะสำหรับคุณ พร้อมหรือยัง? ไปกันเลย!

เครื่องมือสร้างเนื้อหาคืออะไร

เครื่องมือสร้างเนื้อหาหมายถึงซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์ม และทรัพยากรที่ช่วยในการพัฒนาและเผยแพร่เนื้อหาดิจิทัล โดยช่วยอำนวยความสะดวกในกระบวนการสร้างและแบ่งปันเนื้อหาในรูปแบบต่างๆ เช่น งานเขียน การออกแบบกราฟิก และการสร้างวิดีโอ

เครื่องมือเหล่านี้สามารถรวมถึงผู้ช่วยเขียนด้วย AI แพลตฟอร์มออกแบบกราฟิก ซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอ และเครื่องมือวางแผนเนื้อหา ซึ่งช่วยทำให้กระบวนการสร้างเนื้อหามีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาสามารถมุ่งเน้นไปที่องค์ประกอบหลักของงาน เช่น ความคิดสร้างสรรค์และความเป็นต้นฉบับ เครื่องมือเหล่านี้ถูกใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย

เครื่องมือสร้างเนื้อหาที่ดีที่สุดมีอะไรบ้าง

เครื่องมือสร้างเนื้อหาครอบคลุมฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย รองรับทุกแง่มุมของการสร้างเนื้อหา ตั้งแต่การวิจัยเนื้อหาไปจนถึงองค์ประกอบภาพและสื่อแบบโต้ตอบ แต่ละเครื่องมือมีคุณลักษณะและประโยชน์เฉพาะตัว เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้สร้างเนื้อหา

เครื่องมือวิจัยเนื้อหา

เครื่องมือวิจัยเนื้อหาช่วยให้ค้นพบแนวโน้ม ระบุหัวข้อยอดนิยมในกลุ่มเฉพาะ และเข้าใจประเภทของเนื้อหาที่ตรงกับความสนใจของผู้ชม ด้วยการใช้เครื่องมือเหล่านี้ ผู้สร้างเนื้อหาสามารถมั่นใจได้ว่างานของตนมีข้อมูลรองรับ ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และสอดคล้องกับความต้องการของผู้อ่าน

1. GoogleTrends

GoogleTrends - Content Creation Tool

Google Trends เป็นเครื่องมือฟรีที่ช่วยระบุหัวข้อยอดนิยมในกลุ่มเฉพาะ และเข้าใจประเภทของเนื้อหาที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปริมาณการค้นหาของคำสำคัญในช่วงเวลาต่างๆ และในแต่ละพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและทันต่อเหตุการณ์ได้

2. AlsoAsk.com

AlsoAsk เป็นเครื่องมือฟรีที่สร้างรายการคำถามที่เกี่ยวข้องตามคำสำคัญที่ระบุ ช่วยให้ค้นพบคำถามที่ผู้คนกำลังถามในกลุ่มเฉพาะของคุณ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการสร้างเนื้อหาที่ตอบคำถามเหล่านั้นได้

3. AnswerThePublic

AnswerThePublic - Content Creation Tool

AnswerThePublic นำเสนอ “แผนผัง” ของคำศัพท์หรือหัวข้อที่ผู้ใช้มักค้นหาบนอินเทอร์เน็ต เป็นเครื่องมือฟรีสำหรับการสร้างแนวคิดเนื้อหา ที่ช่วยในการหาไอเดียหัวข้อบล็อกและคำถามที่เกี่ยวข้องจากผู้ใช้

4. Buzzsumo

Buzzsumo - Content Creation Tool

Buzzsumo เป็นเครื่องมือวิจัยเนื้อหาที่ช่วยระบุเนื้อหายอดนิยมในกลุ่มเฉพาะ วิเคราะห์ประสิทธิภาพของเนื้อหาคู่แข่ง และค้นหาผู้มีอิทธิพลในอุตสาหกรรมของคุณ โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับจำนวนการแชร์บนโซเชียลมีเดีย ลิงก์ย้อนกลับ และการมีส่วนร่วมของเนื้อหาแต่ละชิ้น Buzzsumo มีให้ทดลองใช้งานฟรี และราคาเริ่มต้นที่ $199 ต่อเดือน

เครื่องมือเขียนเนื้อหา

แม้ว่าจะมีสื่อหลากหลายรูปแบบ แต่เนื้อหาที่เป็นลายลักษณ์อักษรยังคงเป็นหัวใจหลักและเป็นรูปแบบเริ่มต้นสำหรับธุรกิจส่วนใหญ่ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การวางแผน การเขียน และการแก้ไขเนื้อหาเพื่อใช้ในด้านการตลาดดิจิทัล

เนื้อหาที่เป็นลายลักษณ์อักษรไม่ได้จำกัดแค่บทความหรือบล็อกโพสต์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสคริปต์สำหรับวิดีโอ พอดแคสต์ และเนื้อหาสำหรับแพลตฟอร์มเฉพาะ เช่น โซเชียลมีเดียหรือหน้าเว็บ

เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหาที่สร้างขึ้นนั้นมีคุณภาพสูงและปราศจากข้อผิดพลาด มีเครื่องมือสร้างเนื้อหาหลายตัวที่สามารถช่วยให้กระบวนการนี้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

5. Grammarly

Grammarly - Content Creation Tool

เครื่องมือนี้เป็นตัวช่วยที่มีประโยชน์อย่างมาก เพราะการเขียนและการแก้ไขเป็นสิ่งที่สำคัญพอๆ กัน แล้วทำไมไม่ทำทั้งสองอย่างไปพร้อมกันล่ะ? การสร้างเนื้อหาที่ปราศจากข้อผิดพลาดอาจฟังดูง่าย แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

Grammarly ช่วยตรวจสอบการสะกดคำ ข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ และการพิมพ์ผิดขณะเขียนเนื้อหา นอกจากนี้ยังช่วยตรวจสอบความสม่ำเสมอของโทนเสียงในเนื้อหา และสามารถตรวจสอบการคัดลอกผลงาน (Plagiarism) ได้อีกด้วย

Grammarly ยังมาพร้อมกับส่วนขยายของ Chrome ที่ช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ โดยมีทั้งเวอร์ชันฟรีและเวอร์ชันเสียเงิน ซึ่งแบ่งเป็นแผนพรีเมียมสำหรับบุคคลและแผนธุรกิจสำหรับทีมงาน

6. Hemingway

Hemingway - Content Creation Tool

นี่เป็นหนึ่งในเครื่องมือฟรีที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับการสร้างเนื้อหา ตั้งชื่อตามนักเขียนชื่อดัง Ernest Hemingway ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการใช้ภาษาอย่างกระชับและตรงไปตรงมา

Hemingway ไม่เพียงแต่ช่วยแก้ไขคำผิดและข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์เท่านั้น แต่ยังช่วยให้การเขียนมีความกระชับ ชัดเจน และทรงพลังมากขึ้น โดยจะระบุจุดที่สามารถทำให้ข้อความตรงประเด็นยิ่งขึ้น

ข้อดีที่โดดเด่นของเครื่องมือนี้คือช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุม “โทนเสียง” ในการเขียนได้ Hemingway จะเตือนเมื่อพบประโยคที่ใช้ Passive Voice และเน้นจุดที่สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการพัฒนาเนื้อหาให้มีคุณภาพสูงและมีโอกาสติดอันดับบน Google Trends

7. ProWritingAid

ProWritingAid - Content Creation Tool

ProWritingAid เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างเนื้อหา ไม่ใช่แค่ตัวตรวจสอบไวยากรณ์เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านสไตล์การเขียนและเป็นคู่มือการเขียนอีกด้วย มีทั้งเวอร์ชันฟรีและเสียเงิน ซึ่งราคาถูกกว่า Grammarly

เครื่องมือนี้ให้รายงานรายละเอียดเกี่ยวกับการเขียนของคุณ ตรวจสอบสไตล์การเขียน เช่น การใช้กริยาที่อ่อนแอ นอกจากนี้ยังเน้นการใช้คำเชื่อมมากเกินไปในประโยค และตรวจจับการใช้คำหรือโครงสร้างประโยคซ้ำๆ

ProWritingAid เหมาะสำหรับนักเขียนที่สร้างเนื้อหายาว หรือแม้แต่การเขียนนิยาย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับส่วนขยายของ Chrome ทำให้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นบนเบราว์เซอร์ ช่วยให้การเขียนของคุณดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น

8. ChatGPT

ChatGPT - Content Creation Tool

ChatGPT เป็นเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI จาก OpenAI และสามารถใช้งานได้ฟรี ซึ่งช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาสามารถทำวิจัย สรุปข้อมูล และสร้างเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ChatGPT สามารถสร้างคำตอบที่ครอบคลุมสำหรับคำถามต่างๆ และช่วยสร้างเนื้อหาหลากหลายประเภท เช่น บทความบล็อก, แคปชันโซเชียลมีเดีย, อีเมลข่าวสาร และอื่นๆ ผ่านการป้อนคำสั่งหรือคำถาม (Prompts) ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับนักเขียนและนักการตลาดดิจิทัล

เครื่องมือสร้างเนื้อหาภาพ (Visual Content Creation Tools)

เนื้อหาภาพเป็นอีกหนึ่งประเภทของเนื้อหาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล มีเครื่องมือสร้างเนื้อหาหลายตัวที่สามารถช่วยให้คุณสร้างสื่อการตลาดที่มีประสิทธิภาพได้

เนื่องจากเนื้อหาภาพครอบคลุมทั้งงานออกแบบกราฟิกและการแก้ไขรูปภาพ ซึ่งโดยปกติอาจต้องใช้ดีไซเนอร์มืออาชีพ แต่ด้วยเครื่องมือสร้างเนื้อหาภาพที่มีอยู่ในปัจจุบัน คุณก็สามารถสร้างเนื้อหาดิจิทัลที่มีคุณภาพได้ด้วยตัวเอง

นี่คือเครื่องมือบางตัวที่จะช่วยให้คุณเปลี่ยนไอเดียของคุณให้กลายเป็นเนื้อหาออนไลน์ที่ยอดเยี่ยม

9. Canva

Canva - Content Creation Tool

Canva เป็นหนึ่งในเครื่องมือยอดนิยมของนักการตลาดด้านเนื้อหา ไม่เพียงแต่ช่วยสร้าง กราฟิกและอินโฟกราฟิก เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้สร้างเนื้อหาดิจิทัลในรูปแบบอื่นๆ ได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ โพสต์บนโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์

Canva เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ดีที่สุด เนื่องจากช่วยให้ ทุกคน แม้แต่ผู้ที่ไม่มีความสามารถด้านการออกแบบมากนัก สามารถสร้างกราฟิกและข้อมูลภาพที่แข่งขันได้ สามารถใช้งานได้ทั้งบน มือถือและเว็บเบราว์เซอร์

จุดเด่นของ Canva คือมี เทมเพลตมากมาย ให้เลือกใช้ ปรับแต่ง และออกแบบใหม่ตามต้องการ รองรับหลายรูปแบบ (Format) คุณสามารถใช้ภาพสต็อกหรืออัปโหลดภาพของคุณเองลงในเทมเพลตได้

นอกจากนี้ Canva ยังสามารถใช้ในการสร้าง วิดีโอคอนเทนต์ ได้อีกด้วย เนื่องจากมีเทมเพลตสำหรับวิดีโอเช่นกัน ซึ่งทำให้เป็นเครื่องมือสร้างเนื้อหาภาพที่ใช้งานได้หลากหลาย โดยมีทั้ง เวอร์ชันฟรีและเสียเงิน

10. Remove Background

Remove Background - Content Creation Tool

การตัดต่อภาพอาจต้องใช้ทักษะทางเทคนิคในการสร้างภาพที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะเมื่อ ต้องการลบพื้นหลังออกจากรูปภาพ ซึ่งแม้แต่นักออกแบบมืออาชีพอาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการทำงาน แต่เครื่องมือนี้ช่วยให้คุณทำเสร็จได้ภายในไม่กี่วินาที

Remove Background เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณทำให้พื้นหลังโปร่งใส (Transparent/PNG) หรือเปลี่ยนพื้นหลังของภาพเป็นสีขาวได้ง่ายๆ นอกจากนี้ยังมี เครื่องมือและปลั๊กอิน สำหรับซอฟต์แวร์ออกแบบยอดนิยมบางตัว

Remove Background ใช้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการลบพื้นหลัง ทำให้เป็นเครื่องมือที่ช่วย ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ในการสร้างเนื้อหาภาพ สามารถใช้งานได้ทั้งแบบ ฟรีและเสียเงิน

11. Giphy

Giphy - Content Creation Tool

หากคุณต้องการให้เนื้อหาของคุณติดอันดับ Google Trends คุณอาจจะเคยสังเกตว่า รูปแบบกราฟิก GIF (Graphics Interchange Format) ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาดเนื้อหาหลายๆ อย่าง

ในฐานะผู้สร้างเนื้อหา คุณไม่จำเป็นต้องสร้างกราฟิกเองเสมอไป เพราะบางครั้งก็มีกราฟิกที่สามารถใช้งานได้ฟรี GIPHY เป็นเครื่องมือสร้างเนื้อหาที่เหมาะสมที่ช่วยเสริมเนื้อหาของคุณด้วยกราฟิกแบบเคลื่อนไหว ซึ่งสามารถใช้ในแอปพลิเคชันต่างๆ ได้

GIPHY เพิ่มมิติความสร้างสรรค์ให้กับการสร้างเนื้อหาโดยการช่วยให้คุณค้นหาภาพ GIF ที่ตรงกับการค้นคว้าของคุณเพื่อพัฒนาเนื้อหาดิจิทัลของคุณได้อย่างง่ายดาย เครื่องมือนี้ใช้งานได้ฟรี แต่มีแผนการชำระเงินที่มีทรัพยากรมากมายให้เลือกใช้งาน

12. Unsplash

Unsplash - Content Creation Tool

Unsplash เป็นเครื่องมือที่น่าสนใจที่มีภาพถ่ายคุณภาพสูงและสวยงามให้ดาวน์โหลดและใช้งานได้ฟรี ภาพทั้งหมดบน Unsplash มาจากการร่วมมือของชุมชนช่างภาพทั่วโลก ซึ่งมีภาพถ่ายที่สามารถใช้งานได้อย่างอิสระ

แพลตฟอร์มนี้ช่วยยกระดับองค์ประกอบภาพในเนื้อหาของคุณไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โพสต์บนโซเชียลมีเดีย บล็อก หรือสื่อดิจิทัลอื่นๆ ภาพถ่ายบน Unsplash มีความละเอียดสูงและครอบคลุมหลากหลายธีม ทำให้คุณสามารถเลือกภาพที่เหมาะสมกับเนื้อหาของคุณได้

สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับ Unsplash คือ นโยบายลิขสิทธิ์ ของมัน ซึ่งอนุญาตให้ดาวน์โหลดและใช้ภาพได้ฟรี ทำให้มันเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้สร้างเนื้อหาและนักการตลาด การให้เครดิตกับช่างภาพไม่ใช่ข้อบังคับ แต่ก็เป็นสิ่งที่ช่างภาพจะขอบคุณและจะช่วยให้ได้รับการเผยแพร่งานของเขา

Unsplash ยังมี อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ช่วยให้ค้นหาภาพได้ง่ายและรวดเร็ว เป็นเครื่องมือที่สามารถยกระดับการสร้างเนื้อหาของคุณได้โดยไม่ทำให้กระทบกับงบประมาณ

13. Piktochart

Piktochart - Content Creation Tool

Piktochart เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสร้างโปรเจกต์การออกแบบดิจิทัลต่างๆ เช่น อินโฟกราฟิก, สไลด์การนำเสนอ, โปสเตอร์ และการออกแบบโซเชียลมีเดีย โดยมาพร้อมกับ เทมเพลตภาพ ที่ใช้งานง่ายและให้ผู้ใช้สามารถสร้าง ไทม์ไลน์, แผนภูมิ และแผนที่ ที่สามารถเพิ่มหรือดึงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ

Piktochart ยังให้ ชุดสี ที่ใช้งานได้ง่ายสำหรับผู้ใช้ หรือคุณสามารถสร้างชุดสีของตัวเองได้ตามต้องการ

เครื่องมือสร้างคอนเทนต์แบบ Video และ Webinar

ในยุคปัจจุบัน การสร้างวิดีโอได้ก้าวขึ้นมาเป็นรูปแบบเนื้อหาที่มีความสำคัญมากจนทำให้รูปแบบเนื้อหาอื่นๆ ดูเหมือนไม่สำคัญเท่ากับวิดีโอ การสร้างวิดีโอ และการจัดสัมมนาผ่านเว็บ (Webinars) เป็นส่วนสำคัญที่ใช้ในการศึกษาตามสถาบันต่างๆ

เครื่องมือการสร้างเนื้อหาวิดีโอที่หลากหลายสามารถใช้ในการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ วิดีโอที่สร้างขึ้นหรือการสตรีมแบบสดยังสามารถแชร์ไปพร้อมกับโพสต์บนโซเชียลมีเดียได้ สำหรับสถาบันการศึกษา สัมมนาผ่านเว็บยังสามารถสตรีมผ่านโซเชียลมีเดียได้ด้วย

ด้านล่างนี้คือตัวอย่างเครื่องมือที่สามารถใช้ในการสร้างวิดีโอและสัมมนาผ่านเว็บเพื่อการโพสต์บนโซเชียลมีเดียหรือการสร้างเนื้อหาที่มีส่วนร่วมสูง

14. Loom

Loom - Content Creation Tool

Loom เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการแชร์วิดีโอที่ง่ายและสะดวก โดยสามารถบันทึกหน้าจอหรือกล้องเว็บแคมของคุณได้อย่างอิสระ คุณสามารถเลือกบันทึกแค่หน้าจอหรือกล้องเว็บแคม หรือทั้งสองอย่างพร้อมกันได้

เวอร์ชันฟรีของ Loom จะอนุญาตให้สร้างวิดีโอได้ถึง 25 คลิป โดยจะมีการเสนอให้คุณอัปเกรดไปใช้เวอร์ชันพรีเมียม หากต้องการเพิ่มฟีเจอร์เพิ่มเติม หนึ่งในข้อดีของเครื่องมือนี้คือ คุณสามารถตัดต่อวิดีโอและส่งวิดีโอผ่านลิงก์ได้อย่างสะดวก

Loom เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการส่งข้อความผ่านวิดีโอ, การบันทึก, และการดาวน์โหลดวิดีโอที่สร้างขึ้นได้อย่างง่ายดาย แผนการชำระเงินของ Loom จะมีตัวเลือกเพิ่มเติมที่ช่วยให้การแชร์วิดีโอสะดวกและหลากหลายมากขึ้น

15. Streamyard

StreamYard - Content Creation Tool

Streamyard เป็นเครื่องมือสำหรับการสร้างเนื้อหาที่ช่วยให้คุณสามารถสตรีมวิดีโอสดได้ผ่านเบราว์เซอร์ และสามารถเผยแพร่การถ่ายทอดสดไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ทั้งโซเชียลและแพลตฟอร์มทางการ Streamyard เป็นบริการการโฮสต์วิดีโอที่ให้การสตรีมที่มีเสถียรภาพและไม่มีสะดุด

คุณสามารถเริ่มสตรีมสดจากเบราว์เซอร์ในไม่กี่คลิก พร้อมกับแขกรับเชิญของคุณ เครื่องมือนี้จะให้คุณสมบัติทั้งหมดที่คุณต้องการสำหรับการแสดงสดที่มีความเป็นมืออาชีพ เพียงแค่ใช้เบราว์เซอร์ของคุณ

Streamyard มีแผนฟรีสำหรับช่วงทดลองใช้งาน และสามารถเลือกใช้แผนชำระเงินได้ในภายหลัง เวอร์ชันที่ต้องชำระเงินจะให้คุณสามารถปรับแต่งการสตรีมและเพิ่มวิดีโอต่างๆ ได้ตามต้องการ

16. Animaker

Animaker - Content Creation Tool

Animaker เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายในการตัดต่อเนื้อหาสำหรับการสร้างวิดีโอและกราฟิก แอปนี้ช่วยให้คุณสามารถแปลงแนวคิดเนื้อหาเป็นกราฟิกและวิดีโอได้อย่างง่ายดาย เป็นเครื่องมือที่มีความสามารถสูงและได้รับความนิยมจากแบรนด์ชั้นนำ

เครื่องมือนี้เป็นหนึ่งในเครื่องมือการสร้างเนื้อหาฟรีที่ยังคงให้ฟีเจอร์มากมายในแผนฟรี โดยสามารถสร้างวิดีโอ, GIFs และแม้กระทั่งการตัดต่อวิดีโอสดได้ อีกทั้งยังสามารถดาวน์โหลดวิดีโอได้โดยไม่ต้องใช้แผนที่ต้องชำระเงิน

Animaker ยังมีเทมเพลตและเครื่องมือสร้างตัวละครที่พร้อมใช้งาน ช่วยให้การสร้างวิดีโอดูน่าสนใจยิ่งขึ้น ความเร็วในการสร้างแอนิเมชันของมันทำให้สามารถแสดงอารมณ์ที่ซับซ้อนในใบหน้าของตัวละครได้ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์การซิงค์ปากอัตโนมัติ

เครื่องมือสตูดิโอแอนิเมชันนี้ยังมีแอปเว็บที่สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี

17. Animoto

Animoto - Content Creation Tool

Animoto ช่วยให้คุณสามารถสร้างวิดีโอที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย คุณสามารถใช้ Animoto เพื่อแปลงภาพและคลิปวิดีโอธรรมดาให้กลายเป็นเนื้อหาวิดีโอที่น่าสนใจ พร้อมด้วยเพลงและข้อความ

เครื่องมือนี้ออกแบบให้ใช้งานง่าย จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีประสบการณ์ในการตัดต่อวิดีโอ สามารถสร้างวิดีโอที่ดูมีความเป็นมืออาชีพได้ภายในไม่กี่นาที ทำให้เป็นเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการสร้างวิดีโออธิบาย, วิดีโอโฆษณา, และบทแนะนำต่างๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกลยุทธ์เนื้อหาดิจิทัล

Animoto มีเทมเพลตหลากหลาย, ภาพสต็อก, และแทร็กเพลงที่ช่วยให้คุณสร้างวิดีโอที่ตรงใจผู้ชมเป้าหมาย นอกจากนี้ยังรองรับการเพิ่มโลโก้, การปรับสี, ฟอนต์, และเพลงเพื่อให้สอดคล้องกับการสร้างแบรนด์

แม้ว่า Animoto จะมีเวอร์ชันฟรี แต่ฟีเจอร์บางอย่างอาจถูกจำกัด สำหรับการเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมด รวมถึงการสร้างวิดีโอคุณภาพสูง จะต้องใช้แผนชำระเงิน

เครื่องมือพอดแคสต์

เมื่อเวลาผ่านไป การเกิดขึ้นของพอดแคสต์หรือโปรแกรมในรูปแบบดิจิทัลที่มีเนื้อหาเป็นเสียงเริ่มเป็นที่นิยม เดิมทีพอดแคสต์จำกัดอยู่แค่ซีรีส์เสียง แต่บางรายการในปัจจุบันสามารถดูในรูปแบบวิดีโอได้เช่นกัน

พอดแคสต์ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมลึกซึ้งขึ้น เนื่องจากผู้ฟังต้องฟังและติดตามนานกว่ารูปแบบอื่น ๆ ด้านล่างคือเครื่องมือการสร้างเนื้อหาบางอย่างสำหรับผลิตเนื้อหาสำหรับแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้ไม่มากนี้

18. Audacity

Audacity - Content Creation Tool

Audacity คือเครื่องมือบันทึกเสียงที่ใช้งานง่ายและฟรี เครื่องบันทึกเสียงแบบหลายแทร็กนี้ไม่ต้องการทักษะการตัดต่อเสียงโดยเฉพาะเพื่อสร้างเนื้อหา

เครื่องมือโอเพ่นซอร์สนี้สามารถใช้บันทึกเสียงสด เมื่อทำการตัดต่อแล้ว คุณสามารถลดเสียงรบกวน ปรับความเร็ว และส่งออกในรูปแบบที่ต้องการได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำเข้า แก้ไข และผสมไฟล์เสียงได้ และยังอนุญาตให้ส่งออกไฟล์หลายๆ ไฟล์ในครั้งเดียว

Audacity ช่วยให้คุณตัด คัดลอก ตัดต่อ หรือรวมเสียงได้ นอกจากนี้ยังสามารถเล่นและสำรวจเสียงโดยใช้เอฟเฟกต์ เช่น การเปลี่ยนความเร็ว ความสูงของเสียง หรือจังหวะของการบันทึก

19. Soundcloud

Soundcloud - Content Creation Tool

Soundcloud คือแพลตฟอร์มการสตรีมเสียงเปิดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เนื่องจากเป็นชุมชนทั่วโลกที่เปิดให้ใครก็สามารถอัปโหลดเสียงให้ผู้ฟังคนอื่นได้สตรีม มันเป็นช่องทางการแจกจ่ายเสียงออนไลน์

ในฐานะศิลปิน คุณสามารถใช้ Soundcloud อัปโหลดแทร็กและเชื่อมโยงกับโซเชียลมีเดียของคุณได้ คุณยังสามารถโปรโมตเพลงของคุณ ติดต่อตัวแฟนๆ และรับรายได้เมื่อคุณผ่านมาตรฐานการรับรองเพื่อทำเงิน

ในฐานะเครื่องมือการสร้างเนื้อหา Soundcloud เป็นเว็บไซต์แชร์เพลงที่อนุญาตให้ผู้คนอัปโหลด แชร์ และโปรโมตเสียง มันเป็นแพลตฟอร์มเปิดสำหรับผู้ฟังและศิลปินเพลง

เครื่องมือนี้ยังฟรี แต่ก็มีตัวเลือกแบบโปรในเวอร์ชันที่ต้องจ่าย สำหรับเวอร์ชันโปรคุณสามารถบันทึกแทร็กและเพลย์ลิสต์ได้ไม่จำกัดและใช้บริการที่ไม่มีโฆษณาได้

20. Blubrry

Blubrry - Content Creation Tool

Blubrry เป็นชุมชนพอดแคสต์ที่สร้างการเชื่อมต่อระหว่างผู้ผลิตพอดแคสต์ ผู้ลงโฆษณา และผู้ผลิตเนื้อหาอิสระที่กำลังมาแรง เป็นที่รู้จักกันดีในแพลตฟอร์มการเผยแพร่ที่ราบรื่นและการสนับสนุนลูกค้าที่ยอดเยี่ยม

เครื่องมือนี้ช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับผู้ฟังได้ นอกจากนี้ยังมีสถิติที่สำคัญและอนุญาตให้คุณสร้างรายได้จากพอดแคสต์ของคุณ อีกทั้งยังให้บริการพอดแคสต์ที่ปลอดภัย

Blubrry มีให้ทดลองใช้ฟรี 30 วัน และมีราคาสำหรับสองแพ็คเกจ ตัวเลือกการชำระเงินช่วยให้คุณค้นหาคำโดยใช้ตัวกรองที่ใช้งานง่าย ส่งออกและได้รับข้อมูลเชิงลึก และรับการแจ้งเตือนที่ปรับแต่งได้

21. Buzzsprout

Buzzsprout - Content Creation Tool

Buzzsprout เป็นแพลตฟอร์มสำหรับโฮสต์พอดแคสต์ที่ให้เครื่องมือที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการโฮสต์ โปรโมต และติดตามพอดแคสต์ มันมีคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ช่วยให้พอดแคสเตอร์สร้างและแจกจ่ายเนื้อหาของตนได้ รวมถึงเครื่องมือโปรโมตในตัว สถิติพอดแคสต์ขั้นสูง ผู้เล่นพอดแคสต์สำหรับเว็บไซต์ของคุณ และแหล่งข้อมูลเพื่อช่วยคุณตลอดเส้นทาง

Buzzsprout ไม่ได้ฟรีในการใช้งาน มีราคาเริ่มต้นที่ 12 ดอลลาร์ต่อเดือน

เครื่องมือวางแผนเนื้อหา

การวางแผนเนื้อหาเป็นเหมือนแผนที่ที่จะช่วยแนะนำการสร้างและกระจายเนื้อหาของคุณ เพื่อให้ง่ายขึ้นและมั่นใจว่าเนื้อหาของคุณจะตรงเวลา สอดคล้อง และมีความน่าสนใจ มีเครื่องมือหลายตัวในตลาดที่สามารถช่วยในกระบวนการนี้ได้

22. Trello

Trello - Content Creation Tool

Trello ช่วยในการจัดระเบียบงาน ไอเดีย และกำหนดเวลาภายในอินเตอร์เฟสแบบบอร์ดที่สามารถย้ายรายการแต่ละรายการที่เรียกว่า “การ์ด” ไปยังคอลัมน์ที่แทนขั้นตอนต่าง ๆ ของกระบวนการสร้างเนื้อหา ทำให้สามารถมองเห็นและติดตามความคืบหน้าของเนื้อหาทุกชิ้นได้ง่าย การ์ดแต่ละใบสามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ เช่น ไฟล์แนบ วันครบกำหนด รายการตรวจสอบ และความคิดเห็น ทำให้การจัดเก็บข้อมูลและการสนทนาทั้งหมดอยู่ในที่เดียว

Trello มีเวอร์ชันพื้นฐานฟรีที่มีฟังก์ชันสำคัญหลายประการ แต่สำหรับฟังก์ชันที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น ขนาดไฟล์ที่ใหญ่ขึ้น การส่งออกข้อมูล และการสนับสนุนแบบมีลำดับความสำคัญ จะมีตัวเลือกแบบชำระเงิน

23. Notion

Notion - Content Creation Tool

Notion เป็นแอปพลิเคชันการจัดการงานและบันทึกที่มีฟีเจอร์การจัดการงาน เช่น การติดตามโปรเจกต์ รายการที่ต้องทำ และการทำเครื่องหมายบุ๊กมาร์ก เป็นพื้นที่ทำงานที่รวมทุกอย่างไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นการจดบันทึก การจัดการข้อมูลและความรู้ การจัดการโปรเจกต์ และการจัดการงาน ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันข้ามแพลตฟอร์มและเว็บเบราว์เซอร์ส่วนใหญ่

Notion มีแผนส่วนตัวฟรีที่ไม่มีข้อจำกัดในการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มเนื้อหาได้มากเท่าที่ต้องการ

ต้องการความช่วยเหลือในการสร้างเนื้อหาหรือไม่

ความก้าวหน้าที่โลกได้สัมผัสกระตุ้นให้กลยุทธ์การตลาดต้องพัฒนาไปไกลกว่ากรอบปกติที่เคยมีมา เมื่อการตลาดดิจิทัลเติบโตอย่างต่อเนื่อง นี่คือจุดเริ่มต้นของการวิวัฒนาการของการสร้างเนื้อหา

การสร้างเนื้อหาจะเริ่มต้นจากการวิจัยเนื้อหาตามกระแสสังคม สำหรับออนไลน์ โดยปกติจะอ้างอิงจาก Google Trends และจากนั้นจะเกิดไอเดียในการสร้างเนื้อหา กลยุทธ์การกระจายเนื้อหานวัตกรรม และการผลิตเนื้อหาผ่านเครื่องมือการสร้างเนื้อหา

อาจดูเหมือนเรื่องพื้นฐาน แต่นี่คือกระบวนการที่พูดง่ายกว่าทำจริง ๆ มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาเมื่อพูดถึงการผลิตเนื้อหาที่น่าสนใจ มีคุณภาพ และเกี่ยวข้องกับผู้คน ข่าวดีคือ Aemorph พร้อมที่จะช่วยคุณ

คุณได้ใช้เวลาหลายชั่วโมงและหลายวันในการวางแผนและคอนเซ็ปต์แล้ว แต่ยังไม่ได้ผลิตผลงานเลย คุณต้องการสร้างเนื้อหาหรือไม่ แต่ถึงแม้จะมีเครื่องมือที่กล่าวถึงแล้ว ก็ยังรู้สึกว่ามันยุ่งยากเกินไป ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือในการสร้างเนื้อหาและยังคงมีปัญหาในการทำให้สำเร็จ ให้เราช่วยคุณ

ตรวจสอบบริการที่เราสามารถทำให้คุณได้ผ่านเว็บไซต์นี้: https://aemorph.com/th-th/video/